ดังนั้น สตรีตั้งครรภ์จึงถือเป็นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อลดการติดเชื้อ ลดการเกิดโรคที่รุนแรงและลดการเสียชีวิต จึงสามารถสรุปได้ว่าการฉีดวัคซีนจึงมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย จึงมีข้อแนะนําดังนี้
- สตรีตั้งครรภ์สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ยกเว้นกรณีที่มีข้อห้าม เช่น มีอาการแพ้รุนแรงจากการฉีดครั้งแรก
- ระยะเวลาที่ควรฉีดวัคซีนคือ หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ (3 เดือน)
- สตรีที่ให้นมบุตรสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้
- วัคซีนที่มีใช้ในประเทศไทย ในปัจจุบันนี้ มี 2 ชนิด คือ Sinovac และ AstraZeneca จากข้อมูลเบื้องต้นสามารถใช้ได้ทั้งสองชนิด แต่มีข้อสังเกตว่าวัคซีน Sinovac มีอัตราการเกิดไข้หลังการฉีดน้อยกว่า AstraZeneca วัคซีนทั้งสองชนิดมีความปลอดภัยในการฉีดให้คนทั่วไป และมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน ในอนาคตอาจจะมีวัคซีนชนิดอื่นๆ ให้เลือกเพิ่มขึ้น
- ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนชนิดอื่นๆ ยกเว้นมีความจําเป็น การฉีดวัคซีนชนิดอื่นๆ ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
อ่านเพิ่มเติม:
7 กลุ่มโรคประจำตัว ที่ควรได้รับวัคซีน COVID-19
วิธีดูว่าคุณเป็นผู้เสี่ยงติดโควิดทางคนรอบข้างหรือไม่
ผู้คนหรือกลุ่มบุคคลใดควรได้รับวัคซีนก่อนผู้อื่น
ข้อควรรู้และปฏิบัติก่อนการฉีดวัคซีนโควิด
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง: